จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เพื่อให้ประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ตระหนักถึงพิษภัยและโทษของยาเสพติด และช่วยกันคุ้มครอง สร้างความรัก ความอบอุ่นให้กับครอบครัวเพื่อเป็นการไม่ให้เยาวชนไทยติดยาเสพติด
ปัจจุบัน มีผู้ติดยาเสพติดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนจะติดยาเสพติดมากกว่ากลุ่มคนกลุ่มอื่น และที่น่าเป็นห่วงกำลังแพร่ระบาดสู่เด็กนักเรียนวัย 9 ขวบ 10 ขวบ สาเหตุอาจเป็นเพราะถูกเพื่อนชักจูงให้ลองเสพ อยากรู้ อยากลอง ถูกล่อลวง และสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งคือการขาดความอบอุ่นในครอบครัว ปัญหาพ่อแม่หย่าร้างกัน ผู้ใหญ่ไม่ได้สนใจดูแลหรือเป็นที่พึ่งของเด็กได้ เด็กเกิดความว้าเหว่ไม่รู้จะปรึกษาใคร เลยหันไปหายาเสพติด หรือเป็นเป้าล่อให้กับผู้ไม่ปรารถนาดีอย่างพอดี
           
           ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ ปันทอนความเจริญของประเทศชาติ หากประเทศใดมีประชาชนติดยาเสพติดจำนวนมาก ก็ไม่สามารถพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้
ยาเสพติดมีมากมายหลายชนิด ได้แก่ ฝิ่น เฮโรอีน ทินเนอร์ กัญชา ยาบ้า ยาอี สาระเหย กระท่อม และยากระตุ้นประสาทเป็นต้น แต่ละชนิดก่อให้เกิดผลร้ายแก่ร่างกายทั้งสิ้น ทำให้สุขภาพทรุดโทรมอ่อนแอ ความจำเสื่อม เสียบุคลิกภาพ และปัญหาสำคัญที่ตามมาอีกประการหนึ่ง ก็คือผู้ติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นมีโอกาสติดเชื้อไวรัสเอดส์และแพร่กระจายไปยังกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดด้วยกัน รวมไปถึงคนกลุ่มอื่น ๆ ด้วย
           
           แม้รัฐบาลจะประกาศสงครามกับยาเสพติดก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าการป้องกัน การปราบปรามยาเสพติดจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเท่านั้น การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องร่วมมือกัน
           
           การปราบปรามเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ การป้องกันยังเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยการให้การศึกษาและความรู้เรื่องพิษภัยและโทษของยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง แก่ประชาชน ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กและเยาวชน โดยเฉพาะ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง จะต้องเอาใจใส่ดูแลลูกหลาน ให้ความรักความอบอุ่นแก่ครอบครัว เป็นที่พึ่งของเด็กได้ เมื่อเด็กมีปัญหาสามารถจะพูดคุย ช่วยกันแก้ปัญหาให้เด็กใช้เหตุผลกับเด็ก ไม่ใช้อารมณ์ เพราะการใช้อารมณ์อาจทำให้เด็กเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ กลุ้มใจและเตลิดออกจากบ้านไปพึ่งยาเสพติดและเสียอนาคตได้ในที่สุด
"เยาวชนคืออนาคตของชาติ อย่าให้ตกเป็นทาสของยาเสพติด"

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสุขภาพ

การนอนหลับ
สาระน่ารู้ของการนอนหลับ แพทย์ศิริราช แนะท่านอนที่ทำให้หลับสบาย ตื่นขึ้นมาสดชื่น “นอนตะแคงขวา” ช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก บรรเทาอาการปวดหลัง ส่วนผู้ถนัดนอนตะแคงซ้าย อาจทำให้เกิดลมจุกเสียดที่ลิ้นปี่ แนะกอดหมอนข้างพร้อมพาดขา ป้องกันขาชาจากการนอนทับเป็นเวลานาน นพ.ชนินทร์ ลีวานันท์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือ
การนอนหลับ มนุษย์ใช้เวลาเพื่อนอนหลับถึง 1ใน 3 ของอายุขัย ขณะนอนหลับท่านอนเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้ผู้นอนหลับสนิทตลอดคืน และตื่นนอนด้วยความสดชื่น ไม่รู้สึกปวดเมื่อย ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปคนเรานิยมนอนหงาย เพราะเป็นท่านอนมาตรฐาน การนอนหงายที่เหมาะสมนั้น ควรใช้หมอนต่ำและต้นคอควรอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว เพื่อไม่ให้ปวดคอ อย่างไรก็ตาม ท่านอนหงายไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมจะกดทับปอดทำให้หายใจไม่สะดวก ส่งผลทำให้การทำงานของหัวใจลำบากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้มีอาการปวดหลังการนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นด้วย
นพ.ชนินทร์ กล่าวว่า สำหรับท่านอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับท่านอนอื่น ๆ คือ ท่านอนตะแคงขวา เพราะจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก และอาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ส่วนท่านอนตะแคงซ้ายซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่ควรกอดหมอนข้าง และพาดขาไว้เพื่อป้องกันอาการชาที่ขาซ้ายจากการนอนทับเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ท่านอนตะแคงซ้ายอาจทำให้เกิดลมจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมดในช่วงก่อนเข้านอนคั่งค้างในกระเพาะอาหาร ส่วนท่านอนคว่ำเป็นท่าที่ทำให้หายใจติดขัด ทั้งยังทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลังหรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ. สุขภาพดี … คุณเอง เป็นผู้กำหนด
ความจริงที่ว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ยังเป็นคำพูดที่ไม่ล้าสมัย เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธว่าการมีสุขภาพดี มีค่ากว่าการได้ลาภเป็นเงินเป็นทองด้วยซ้ำไป เพราะแม้ว่าจะมีเงินมากองจนท่วมตัวก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีคืนมาได้ สุขภาพเป็นสิ่งที่ไม่มีใคร … นอกจากตัวเราเท่านั้นที่จะเป็นผู้กำหนด เป็นสิ่งที่เราเลือกได้ แต่เราได้เลือกแล้วหรือยัง มองย้อนกลับไปดูว่าที่ผ่านมา เราดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องหรือเปล่า เราสนใจเรื่องอาหารการกินมากน้อยแค่ไหน เรากินเพื่ออยู่ไปวัน ๆ หรือเรามีความสุขกับการกินจนมากเกินไป ถ้าเป็นเช่นนั้น คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องรีบปรับตัว และไม่ปล่อยปละละเลยกับการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหากเป็นปัญหาขึ้นมาแล้ว อาจสายเกินแก้ เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพ เรื่องอาหารการกินดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนกว่าเรื่องอื่น
ดังนั้น การจัดปรับ พฤติกรรมการกินให้ถูกต้อง ถูกหลักโภชนาการที่ดี กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ กินเป็นเวลา ที่สำคัญ คือ กินให้พอดีและ กินให้หลากหลาย ก็สามารถลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยไปได้มากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ในการทำความเข้าใจเรื่องการกิน อาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีและห่างไกลโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการกินได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองสำรวจตัวเองว่ามีพฤติกรรมการกิน อาหาร เพื่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน

บทความวันแม่

บทความวันแม่.......

คนเราที่เกิดมาทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักคำว่า "แม่"

เพราะแม่เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้เลี้ยงเฝ้าดูแลเรามาตลอด เป็นผู้รักเรามากกว่าใคร ๆ ที่บอกว่ารักเรา

ไม่ว่าลูกจะทำผิดขนาดไหนแม่ก็ยังให้อภัยแก่ลูกเสมอ บางครั้งลูกทำผิด แม่โกรธ ดุด่า ว่าลูก

แต่แม่ก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายลูก ความรักมีหลายรูปแบบ เช่น ความรักของหนุ่มสาว ความรักต่อเพื่อน

ความรักต่อครู-อาจารย์ เป็นต้น แต่ความรักเหล่านี้อาจจะลืมเลือนไปได้โดยง่าย

เพราะมันไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เปรียบไม่ได้กับความรักของแม่ที่มีต่อลูก

ซึ่งมีแต่ให้ไม่เคยคิดที่จะได้ตอบแทน คุณของ "แม่" นับว่าเป็นคุณที่ไม่อาจจะตอบแทนได้

นับเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ กว่าที่แม่จะคลอดเรามาแม่ก็ต้องอุ้มท้องเรามานานนับ 10 เดือน

โดยที่ไม่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่อการอยู่ในชีวิตประจำวัน พอถึงวันที่คลอด นับแต่วันที่คลอดแม่ก็เฝ้าดูแล

เป็นอย่างดี ไม่ให้ มด ยุง แมลงต่าง ๆ มากัดตัวลูก หาอาหารอย่างดีมาให้ทาน

ไม่เคยเอาสิ่งที่ไม่ดีมาให้ลูกกิน มาถึงทุกวันนี้แม่ก็ยังดูแลเราไม่เคยห่างสายตา เพราะแม่ยังกลัวว่า

ลูกจะหลงผิดทำให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม่ไม่คิดที่จะให้ลูกทำในสิ่งทดแทนคุณ เพราะแม่คือคนที่รักลูกที่แท้จริง

เป็นผู้ที่คิดแต่จะให้ลูกโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนที่ได้จากลูก แม่เป็นผู้ที่สั่งสอนลูกมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต

แม่สอนแต่สิ่งที่ดี นับเป็นคุณ "ครู" คนแรกของลูก แม่อาจเป็นทั้ง แม่, เพื่อน และครู ในเวลาเดียวกันได้

ในยามที่ลูกทุกข์แม่ก็คอยปลอบ ในยามที่ลูกผิดแม่ก็คอยสอน ตักเตือน ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด

ในยามที่ลูกป่วยไข้ก็มีเพียงแม่เท่านั้นที่เฝ้าดูแลไม่ห่าง ไม่เหมือนคนอื่น

ถ้าเราป่วยเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ เพื่อนคนที่เคยบอกว่ารักเรา เขาอาจจะไม่กล้ามาเยี่ยม

เพราะเขากลัวโรคร้ายนั้นจะติดเขา แต่ผุ้เป็นแม่ไม่ว่าโรคนั้นจะร้ายสักเพียงใดก็ไม่คิดที่จะทอดทิ้ง

ให้ลูกอยู่โดดเดี่ยวมีแต่จะเป็นห่วงลูกเพิ่มขึ้น ลูกยิ่งป่วยหรือเจ็บมากขึ้นเท่าใดผู้เป็นแม่ก็ยิ่งร้อนใจ

เพิ่มขึ้นหลายเท่า แม่ยอมขายที่นา สวน ไร่ เพื่อให้ได้เงินมารักษาลูก เงินไม่พอก็ไปขอยืมเขา

แม้ว่าดอกเบี้ยจะแพงขอเพียงเพื่อได้รักษาให้ลูกได้หาย และมีความสุข แม่ทนทุกข์ยากและลำบาก

ในการทำงาน ตากแดดตัวดำเพื่อให้ลูกชาย หญิง ได้เรียนหนังสือมีความรู้สูงๆ เพื่อไม่ต้องลำบาก

เหมือนแม่ แม่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาใช้ในครอบครัว และเงินที่ได้มาจากแรงกายของแม่

ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ที่ลูก ไม่ว่าลูกจะขอเท่าไรแม่ก็หามาให้ได้เสมอ ลูกสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลไม่ได้ก็ดิ้นรน

ให้ลูกได้เรียนโรงเรียนเอกชน แม้ค่าเล่าเรียนเป็นหมื่นเป็นแสนก็ยอม เพียงแต่ขอให้ลูกได้เรียน

แม่ก็มีความสุข แต่แม่ไม่เคยรู้เลยว่าลูกมาโรงเรียนแล้วเป็นอย่างไร แม่คิดเพียงว่าลูกไปโรงเรียน

คงตั้งใจเรียน และลูกคงเหนื่อย เมื่อลูกกลับถึงบ้านตอนเย็นแม่จะไม่ให้ลูกทำงานบ้านอีก

แต่ลูกบางคนมาโรงเรียนแล้วไม่ได้ตั้งใจเรียนสักเท่าใดเลย แม่ต้องทนลำบากเพื่อให้ลูกได้เรียน

และเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของแม่เราต้องตั้งใจเรียนให้สมกับที่แม่ตั้งความหวังเอาไว้

อย่าให้แม่ผิดหวัง แม่แนะนำตักเตือนก็ต้องเชื่อฟังเพราะสิ่งที่แม่พูดเป็นสิ่งที่ดีไม่ผิด

ปัจจุบันนี้ไม่ว่าแม่พูดอะไรผมจึงไม่เคยคิดที่จะขัดใจแม่ เพราะผมรู้ดีว่าสิ่งที่แม่แนะนำตักเตือน

เพราะแม่หวังดี ไม่มีแม่คนไหนที่จะคิดร้ายต่อลูก ลูกมีกี่คนแม่สามารถเลี้ยงดูได้เป็นอย่างดี

ฉะนั้นเราผู้เป็นลูกมีแม่เพียงคนเดียวเราต้องดูแลท่านให้เหมือนที่ท่านเคยดูแลเรามา

และหาสิ่งดีๆมาตอบแทนโดยการตั้งใจเรียนเท่านี้แม่ก็ดีใจมากแล้ว ในยามที่แม่แก่ชรา

ผมรู้ดีว่าคนแก่ชราต้องการอยู่ใกล้ลูกๆ หลานๆ ดังนั้นเราก็ต้องเอาใจใส่แม่ของเราให้มากที่สุด

ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับเข้าสู้  blogger ของนางสาวศิริพร   สารคาม