จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

วิวัฒนาการทางการเมืองการปกครองของโลก



คำว่า "การเมือง" และ "การปกครอง" มักจะใช้ควบคู่กันไปเสมอเพราะ "การเมือง"
หมายถึง งานที่เกี่ยวกับรัฐ การบริหารประเทศ การอำนวยหรือควบคุมการบริหารงานราชการ
แผ่นดิน ซึ่งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการปกครองประเทศเป็นสำคัญ

ความหมายของการเมือง

อริสโตเติล : ได้กล่าวไว้ว่า การเมืองจะต้องมีลักษณะสำคัญบางประการ อาทิเช่น การเมือง
ย่อมเกี่ยวกันกับอำนาจและอำนาจทางการเมืองจะต้องแตกต่างจากอำนาจอื่น คือ องค์การ
ทางการเมืองจะต้องมีอำนาจปกครองเป็นอธิปัตย์ คุณลักษณะของการเมืองประกอบด้วย
ปัจจัยที่เด่นชัด สองประการ คือ อำนาจ และการปกครอง

โทมัส ฮอบส์ : มีความเห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของมนุษย์ การเมือง
คือการต่อสู่เพื่อเถลิงอำนาจ

มอร์เกนเธอ : การเมืองเป็นเรื่องของการต่อสู้เพื่อการมีอำนาจ อันเป็นความต้องการของมนุษย์
ที่ต้องการมีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด

อาจสรุปได้ว่า การเมืองคือการแข่งขันของบุคคล หรือ กลุ่มบุคคลเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจใน
การปกครองรัฐ มีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบาย การจัดการ ผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นกิจ
กรรมที่มีผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ในสังคมการเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับอำนาจและการปกครอง
การดูแลจัดการให้มนุษย์อยู่กันอย่างเป็นระเบียบและเป็นธรรม การเมืองจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ
ของการปกครอง

ความหมายของรัฐและองค์ประกอบของรัฐ

ซิเซโร : นักปราชญ์ชาวโรมันได้ให้คำนิยามว่า “ รัฐ คือกลุ่มคนจำนวนมากที่รวมกันอยู่โดยมี
ีความรู้สึกรับผิดชอบร่วมกัน”

แมกซ์ เวเบอร์ : นักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน กล่าวว่า “ รัฐ คือ องค์การที่มีอำนาจผูกขาดใน
การใช้กำลังหรือใช้ความรุนแรงทั้งหลาย”

ฮาโรลด์ ลาส เวลล์ : นิยามว่า “รัฐ” คือกลุ่มคนที่รวมกันเป็นระเบียบและอาศัยอยู่ในอาณา
เขตร่วมกันมีอำนาจสูงสุดในอาณาเขตนั้น”

สรุปได้ว่า รัฐ คือ ชุมชนทางการเมืองที่มีบุคคลอาศัยอยู่อย่างถาวร ในดินแดนที่มี
อาณาเขตแน่นอน ภายใต้รัฐบาลเดียวกัน มีอำนาจสูงสุดในการปกครองอย่างเป็นอิสระ ปราศ
จากการควบคุมจากภายนอก

ชวนรถ...ลดโลกร้อน




นอกจากการรณรงค์ให้ใช้พลังงานอย่างถูกวิธีและประหยัดแล้ว การดูแลรถยนต์อย่างถูกต้อง ก็มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้เหมือนกันนะ อีกทั้งยังเป็นการลดปัญหาอากาศเป็นพิษและเสียงรบกวนที่ก่อนให้เกิดปัญหาสุขภาพ Lisa ขอชวนคุณมาร่วมด้วยช่วยกันลดมลพิษจากรถกันดีกว่า
การป้องกันและลดสารพิษจากรถยนต์

การทำงานของเครื่องยนต์ หากเกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ จะก่อให้เกิดสารพิษปล่อยออกมาจากท่อไอเสีย เรามีวิธีที่จะป้องกันมาแนะนำดังนี้

ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วสำหรับรถเครื่องยนต์เบนซิน หรือน้ำมันดีเซลกลั่นอุณหภูมิต่ำสำหรับรถเครื่องยนต์ดีเซล

เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนดเวลา

หมั่นตรวจดูระบบกรองอากาศ ถ้าอุดตันมีฝุ่น นำมาทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่

หลีกเลี่ยงการบรรทุกเกินกำลังของรถ

ควรออกรถให้นิ่มนวลและไม่เร่งเครื่องเกินความจำเป็น

ควรติดตั้งอุปกรณ์กรองไอเสีย (Catalytic Converter) เพื่อช่วยให้ไอเสียที่ปล่อยออกมามีมลพิษน้อยลงได้
รถที่ใช้น้ำมันดีเซลควรตรวจสอบเครื่องยนต์เป็นพิเศษ ดังนี้

ตรวจสอบกำลังอัดของเครื่องยนต์ ถ้าต่ำกว่าปกติจะต้องซ่อมโดยเปลี่ยนแหวนลูกสูบ หรือคว้านกระบอกสูบ

ปรับแรงดันที่หัวฉีดให้ตรงตามกำหนด และหัวฉีดต้องฉีดน้ำมันเป็นละออง (ถ้าไม่ได้ ให้เปลี่ยนชุดหัวฉีดใหม่)

ตั้งปั๊มหัวฉีดที่มีความเร็วรอบต่างๆ ให้จ่ายตามกำหนด ถ้าลูกปั๊มสึกหรอจนปรับตั้งไม่ได้ให้เปลี่ยนใหม่

รถที่ใช้น้ำมันเบนซินควรตรวจสอบเครื่องยนต์เป็นพิเศษ ดังนี้

รถระบบคาร์บูเรเตอร์ โดยปกติจะปรับสกรูเดินเบาเพิ่มขึ้น ส่วนรถระบบหัวฉีดจะต้องปรับแต่งโดยช่างผู้ชำนาญงานเท่านั้น

ควรตรวจสอบกำลังอัดของเครื่องยนต์และระบบไฟจุดระเบิดอาจแก่เกินไป ควรลดลงให้เหมาะ

เท่านี้ก็คุณก็สามารถช่วยลดโลกร้อนได้แล้วค่ะ


การ์ตูนการเมือง (ทั้งฮา ทั้งเครียด)

ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นักเขียนการ์ตูนการเมืองของ เดอะโคเรียไทมส์
มีมุมมองทางการเมืองและสถานการณ์การชุมนุมในกรุงเทพฯ
ที่น่าจะไปในแนวทางเดียวกับสื่อหลายสำนักในทั่วทุกภูมิภาคของโลก
ที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
และผมคิดว่ามันก็เหมือนกับที่คนไทยเราได้เห็นและคิดเช่นกัน




ปัญหาการเมืองไทย

การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวกับรูปของรัฐและการจัดระเบียบความสัมพันธ์ภายในรัฐระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง โดยเมื่อสังคมมนุษย์ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาล คนเราจึงต้องแบ่งออกเป็นสองพวกใหญ่ๆ คือ ผู้ที่ทำหน้าที่บังคับกับผู้ถูกบังคับเสมอ

กลุ่มปัญหาที่เกิดทางการเมือง

กลุ่มแรก การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ โดยเป็นการต่อสู่กันเพื่อใหได้มาซึ่งอำนาจและอิทธิพลในการบริหารกิจการบ้านเมือง

กลุ่มที่สอง การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรทรัพยากรของรัฐหรือสิ่งที่มีคุณค่าทางสังคม

กลุ่มที่สาม การเมืองเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ทั้งนี้เนื่องจากทรัพยากรของชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ผู้คนซึ่งต้องการใช้ทรัพยากรนั้นมีอยู่มากและความต้องการใช้ไม่มีขีดจำกัด การเมืองจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการที่คนในสังคมไม่อาจตกลงกันได้หรือเกิดความขัดแย้งขึ้น

กลุ่มที่สี่ มองการเมืองว่าเป็นเรื่องของการประนีประนอมผลประโยชน์ เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความขัดแย้งจากการดำเนินงานทางการเมืองที่ไม่มีทางออก

กลุ่มที่ห้า การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐและการบริหารประเทศในกิจกรรมหลัก 3 ด้านคือ งานที่เกี่ยวกับรัฐ การบริหารประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับนโยบายและอำนาจการบริหารราชการแผนดินซึ่งเป็นการควบคุมให้มีการดำเนินงานตาม

กลุ่มที่หก การเมืองเป็นเรื่องของการกำหนดนโยบายของรัฐกล่าวคือ การเมืองคือกิจกรรมใดๆที่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย หน่วยงานและเครื่องมือต่างๆที่ใช้ในการกำหนดนโยบาย

ตัวอย่างความขัดแย้งทางการเมืองไทยในปัจจุบัน “ สถานการณ์ชายแดนภาคใต้” สถานการณ์ปัจจุบัน
การสำรวจปัญหาจากประชาชนในพื้นที่พบว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส มีปัญหาที่สั่งสมกันมากมายหลายด้าน และมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน บทความนี้ได้พยายามที่จะหาพยายามหลักฐานข้อมูลความรู้ที่น่าเชื่อถือจากเอกสาร ทัศนะ ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิรวมทั้งข้อสรุปจากการประชุมสัมมนาเท่าที่ค้นคว้ามาได้ เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจเข้าถึงสาเหตุที่เป็นแก่นแท้ของปัญหา ดังนี้

วัฒนธรรมการใช้อำนาจและลัทธิการพัฒนา: ปัญหาเดิมที่ดำรงอยู่
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในกรณีความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาภาคใต้อย่างยั่งยืนและเป็นธรรม เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2547 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มีข้อสรุปร่วมกันว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ เกิดจากปัญหาสำคัญ 3 ประการคือ
• ปัญหาวัฒนธรรมการใช้อำนาจกับดักประวัติศาสตร์
• ปัญหาในด้านลัทธิพัฒนา
• ปัญหาวัฒนธรรมการเรียนรู้
ชาติพันธ์ เอกลักษณ์และความเชื่อลัทธิทางศาสนาของคนกลุ่มใหม่ : พลวัตของปัญหาที่เปลี่ยนแปลงไปด้านชาติพันธ์ ด้านเอกลักษณ์ เรื่องชาติพันธ์เป็นปัญหาที่ปรากฏในรัฐไทยมาช้านาน รวมทั้งมีการกล่าวอ้างว่าปัญหานี้สามารถแก้ไข คลี่คลายได้ผ่านมาตรการ นโยบายรัฐด้านต่างๆ แต่กรณีย์กลุ่มชาติพันธ์ที่เป็นคนชายขอบที่มีความต่างทางด้างวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม ภาษา การแต่งกาย แม้กระทั่งศาสนาและมีความพยายามที่จะรักษาอัตลักษณ์ของกลุ่มตนเองเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนเผ่าต่างๆในภาคเหนือของประเทศไทย กลุ่มชาวมลายูมุสลิมในภาคใต้ รัฐไทย ระบบความรู้ของสังคมไทย ยังมองว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขมากกว่าการที่จะยอมรับว่าเป็นความต่างเป็นความหลากหลายที่มีคุณประโยชน์ต่อสังคมส่วนร่วมและไม่ได้เป็นปัญหาต่อเอกภาพหรือความมั่นคงของประเทศ
ข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ 2 ประการคือ
1. ยึดรัฐธรรมนูญ ยอมรับความหลากหลาย
ข้อเสนอซึ่งเป็นผลการรับฟังความดิดเห็นจากประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาภาคใต้อย่างยั่งยืนและเป็นธรรม เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2547 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีดังนี้
• การปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง
• ต้องเข้าใจและเคารพความหลากหลายของวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้• ปรับการบริหาร ของหน่วยงานรัฐให้ตรงกับสภาพวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน
• รัฐบาลและสังคมไทยต้องเข้าใจและให้ความสำคัญในเรื่องภาษามลายู วัฒนธรรมและการวิถีชีวิต ของคนมุสลิม เพราะถ้ารัฐบาลใช้นโยบายหรือบริหารประเทศที่ส่งผลกระทบกับการใช้ภาษา วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนมุสลิม จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป รวมทั้งต้องเปิดโอกาส
• เปิดพื้นที่ให้คนในสังคมไทยเข้ามามีบทบาทในการลดการใช้อำนาจในทางมิชอบหรือป้องกันการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในสังคมไทย

2. ใช้แนวทางสันติประชาธรรม
ในสถานการณ์ของความขัดแย้งระหว่างสิ่งที่เรียกว่าเป็นกระแสความคิด ความต้องการที่สุดโต่งทั้งสองด้าน ทั้งความคิดสุดโต่งด้านความมั่นคงซึ่งเป็นวัฒนธรรมทางการเมือง การปกครองมานาน และแนวทางสุดโต่งที่ปะทุขึ้นมาเพื่อตอบโต้รัฐในอีกด้านหนึ่ง ทางออกของปัญหาคือ การสร้างทางเลือกให้กับประชาชนคนสามัญ โดยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิด ความต้องการ อุดมการณ์ ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งต้องการที่จะดำรงชีวิตร่วมกัน โดยปกติสุข มีการเคารพในสิทธิ เสรีภาพซึ่งกันและกัน ยอมรับในเอกลักษณ์กันและกัน โดยดำเนินการอย่างเป็นขั้น เป็นตอน เป็นกระบวนการในช่วง 3 ปีหรือ 4-5 ปีข้างหน้า แนวทางนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยตรง แต่จะช่วยคลี่คลายปัญหา ช่วยคลี่คลายความหวาดระแวง และประการสำคัญ ช่วยคลี่คลายความมุ่งมาดปรารถนาของการใช้กำลัง เพราะการใช้ใช้กำลังไม่ว่าจากฝ่ายไหนก็ตาม ถ้าขาดเสียซึ่งฐานความเห็นชอบของประชาชนส่วนใหญ่แล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นความยั่งยืน

น้ำท่วมอยุธยา-สุโขทัยอ่วม! ชาวเฟซบุ๊กโพสต์ "ธาราลิมปิค 2012"เริ่มแล้ว



ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 11 กันยายน ว่า สถานการณ์การน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย ไหลเข้าท่วมชุมชน สองฝั่งแม่น้ำในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอเสนา และ อำเภอผักไห่ มีระดับเพิ่มสูงขึ้นอีก 20 เซนติเมตร และทำให้ในพื้นที่ลุ่มต่ำ บางตำบล ถูกน้ำท่วมสูงแล้วเกือบ 1 เมตร อย่างไรก็ตาม พื้นที่ถูกน้ำท่วม ได้ขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นทุกเวลา เพราะเขื่อนเจ้าพระยา เร่งปล่อยระบายน้ำ ในประมาณสูงอย่างต่อเนื่อง


สำหรับอำเภอบางบาล ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะมีเส้นทางน้ำเหนือไหลผ่าน ถึง 4 เส้นทาง

ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย คลองโผงเผง คลองบางบาล โดยที่ตำบลบ้านกุ่มและตำบลบางชะนี ชาวบ้านหวั่นวิตกว่า หากน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วแบบนี้ ถนนโครงข่ายในชุมชนจะถูกท่วมทั้งหมดในระยะ 1-2 วัน


ส่วนกระสังคมในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ในกลุ่มคนอยุธยา

พบว่า มีการโพสต์แสดงความหวั่นวิตกว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 โดยมีการโพสต์ภาพน้ำท่วม พร้อมระบุข้อความว่า "เริ่มแล้ว ธาราลิมปิค 2012 การแข่งขัน ยกของขึ้นที่สูง ทำกระสอบทราย ทำพนังกั้นน้ำ กินลำบาก ลุยน้ำมาราธอน เริ่มแล้ววันที่ สุโขทัยและอยุธยา และเตรียมตัวเข้าแข่งขัน ใกล้บ้านท่านในเร็ววันนี้"



วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

บทความ : วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันของประเทศไทย ระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มาจากการเมืองภาคประชาชน

“บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้” ย่อหน้าที่ ๑ มาตรา ๖๘ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๕๐

“บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้” มาตรา ๗๐รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๕๐ข้อความข้างต้น ได้ถูกนำมาเป็นข้ออ้างของแต่ละฝ่ายเพื่อสร้างความชอบธรรมในการกระทำของตนเอง โดยถือหลักการเดียวกันตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่มีแนวคิดและวิธีการดำเนินการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนทำให้เป็นข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนที่ให้การสนับสนุนการกระทำ(Acts) ของทั้งสองฝ่าย จนขณะนี้ทำให้เกิดสภาวะในสังคมที่เรียกว่า “สภาวะแตกแยกทางความคิดในหมู่ประชาชน”

สภาวะแตกแยกทางความคิดในหมู่ประชาชนนั้น ได้ก่อร่างสร้างตัวมาอย่างเป็นระบบ โดยต้องย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งในอดีต ครั้งที่พรรคไทยรักไทย ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน โดยได้จัดตั้งรัฐบาลเป็นเสียงข้างมากเพียงพรรคเดียว เหตุที่พรรคไทยรักไทยนั้นได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชนเป็นจำนวนมาก สืบเนื่องมาจากนโยบายประชานิยม ที่พรรคไทยรักไทยได้นำเอาแนวคิดของนักคิดแนวอรรถประโยชน์นิยม(Utilitarianism) มาประยุกต์ใช้ โดยที่ให้ประชาชนระดับรากหญ้า หรือประชาชนที่อยู่ในชนบท ได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินของนโยบายของรัฐบาลมากที่สุด โดยประชาชนที่อยู่ในชนบทได้เข้าถึงงบประมาณต่างๆ ที่รัฐได้จัดสรรให้ ซึ่งประชาชนระดับนี้ถึงว่าเป็นประชากรจำนวนมากอันดับหนึ่งของประเทศ

การเลือกตั้งครั้งนั้น จึงทำให้พรรคไทยรักไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ ซึ่งเป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนส่วนมากที่ได้ให้ความไว้วางใจในพรรคไทยรักไทย อีกทั้งยังเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ หรือที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งต้องการให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง รวมถึงความสามารถในการบริหารงานของรัฐบาล ผลพวงจากปรากฏการณ์ รัฐธรรมนูญปี ๔๐ ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่เรียกว่าดีที่สุดฉบับหนึ่งเท่าที่เคยมีมา ทำให้การบริหารงานของรัฐบาลภายใต้พรรคไทยรักไทยกลายมาเป็นคำพูดที่ติดปากในวงการเมืองว่าเป็นการบริหารงานแบบ เผด็จการรัฐสภา

การบริหารงานของรัฐบาลในครั้งนั้นได้รับการโจมตีอย่างมาก ไม่ว่าจะในด้านของการแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ การออกกฎหมาย การละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงการคุกคามสื่ออย่างรุนแรง ซึ่งเหตุต่างๆ เหล่านี้ได้ถูกเพาะบ่มอยู่ในสังคมอย่างเป็นระบบ ประชาชนระดับกลางที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เริ่มเกิดความไม่พอใจในการบริหารงานของรัฐบาล อีกทั้งยังเริ่มความไม่ไว้วางใจในการบริหารประเทศ ดูได้จากการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้าน-พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนแนวความคิดแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) ได้รับคะแนนสูงสุดจากประชาชน โดยได้รับความวางใจให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของการต่อต้านอย่างเป็นระบบในหมู่ประชาชนระดับกลาง และถือได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเกิดกลุ่มการเมืองภาคประชาชนที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น จนมาถึงการยุบสภาของพรรคไทยรักไทย และตลอดการเลือกตั้งที่ได้พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ไม่เอา ไทยรักไทยในหมู่ประชาชนระดับกลาง การลงคะแนนเลือกตั้งแบบใหม่(Vote no) การวินิจฉัยของศาลการเลือกตั้งปี ๒๕๔๘ เป็นโมฆะ การยุบพรรคไทยรักไทยในข้อหาทางการเมือง การปฏิวัติรัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๘ การยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ และการเลือกตั้งหลังจากได้รับรัฐธรรมนูญใหม่

เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนอยู่ในความสนใจของประชาชนทุกระดับ ซึ่งได้เฝ้ามองดูว่าเหตุการณ์แต่ละอย่างที่ได้เกิดขึ้นนั้น จะมีจุดจบลงอย่างใด ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว กลุ่มขั้วอำนาจเดิมทางการเมืองก็ได้กลับเข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้ ได้เปลี่ยนชื่อพรรคจากไทยรักไทยที่ถูกยุบเป็นพรรคพลังประชาชน และหัวหน้าที่พรรคคนใหม่จาก พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่โดนปฏิวัติจนต้องอาศัยอยู่ต่างประเทศเป็น นายสมัคร สุนทรเวช ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตกลับมาเข้ารูปแบบเดิมอีกครั้ง ถ้าหากจะนำเหตุการณ์ต่างๆมาวิเคราะห์ให้ลึกไปในรายละเอียด ปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวเร่งและเป็นตัวเสริม ก็เป็นปัจจัยเดิมๆ แต่ครั้งนี้มีปัจจัยที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษกว่าครั้งที่แล้ว คือ การเมืองภาคประชาชน หากจะนำเหตุการณ์ต่างๆมาวิเคราะห์ตามแนวทฤษฎีทางการเมือง มีทฤษฎีอยู่มากมายที่สามารถนำมาใช้ในการอธิบายหรือวิเคราะห์เหตุการณ์ทางการเมืองของไทยได้ แต่ที่ได้รับความนิยมและนำมาอธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองได้อย่างเป็นระบบคือ ทฤษฎีระบบของเดวิด อีสตั้น และทฤษฏีโครงสร้างและหน้าที่ของทัลคอตต์ พาร์สัน

ทฤษฎีระบบของ เดวิด อีสตัน มีฐานคติที่สำคัญว่าการเมืองดำรงอยู่เป็นอย่างมีระบบเสมือนหนึ่งชีวิตการเมือง (Political Life) กล่าวคือ ระบบการเมือง ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งองค์ประกอบภายใน อันได้แก่ สถาบันการเมืองต่างๆ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นองค์ประกอบภายนอกที่มีอิทธิพลต่อการทำงานของระบบการเมือง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทางการเมือง กับสภาพแวดล้อม มีลักษณะเป็นพลวัต (Dynamic system) มีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ก่อให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า “ชีวิตการเมือง” ความสัมพันธ์ระหว่างระบบการเมืองกับสภาพแวดล้อม จะเป็นไปในลักษณะที่สิ่งใดเกิดขึ้นภายในสภาพแวดล้อมจะส่งผลกระทบเข้าสู่ระบบการเมือง ในรูปแบบของปัจจัยนำเข้า (Inputs) ระบบการเมืองจะต้องทำหน้าที่ตัดสินใจและนำการตัดสินใจนั้นไปสู่การปฏิบัติผลผลิตของระบบการเมือง คือ ปัจจัยนำออก (Outputs) ซึ่งจะกลับเข้าสู่ระบบในรูปของปัจจัยสิ่งแวดล้อม หรือในบางกรณีอาจจะส่งกลับโดยตรงเข้าสู่ระบบการเมืองโดยไม่ต้องผ่านปัจจัยสิ่งแวดล้อม ปัจจัยสิ่งแวดล้อมจะนำเข้าสู่ระบบการเมืองในรูปแบบของความต้องการ (Demands) และการสนับสนุน (Supports) ความสัมพันธ์ระหว่างระบบการเมืองและปัจจัยสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แท้จริงแล้วปัจจัยนำออกก็คือผลผลิตของระบบการเมือง ดังนั้น ความสัมพันธ์เหล่านี้จะมีความต่อเนื่องโดยตลอด

โดยระบบการเมืองนั้น จะเป็นโครงสร้างศูนย์กลางของ ระบบหรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างสถาบันทางการเมืองที่ทำหน้าที่ในการตัดสินใจ เพื่อจัดสรรค่านิยมให้แก่สังคม ส่วนการจัดสรรนั้นหมายถึงอำนาจในการตัดสินใจในการให้หรือไม่ให้ค่านิยมนั้นแก่สังคม ซึ่งระบบการเมืองนั้นจะประกอบไปด้วยสถาบันทางการเมืองต่างๆ เช่น สถาบันนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหาร พรรคการเมือง ระบบราชการ กลุ่มอิทธิพล และกลุ่มผลประโยชน์ เป็นต้น

ดังนั้นหากเราจะนำเอาปัจจัยต่างๆ ทางการเมืองของไทยที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์ตามแนวทฤษฎีนี้ พอที่จะทำให้เราสามารถพยากรณ์และอธิบายเหตุการณ์หรือพฤติกรรมทางการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างเป็นระบบ โดยมีฐานคติ (Assumption) ที่ว่า พฤติกรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากการเดาสุ่ม หรือไม่มีแบบแผนของพฤติกรรม แต่สามารถที่จะหาลักษณะที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และสามารถสร้างเป็นกฎเกณฑ์ของพฤติกรรมได้

จากสถานการณ์ปัจจุบันความต้องการของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม. ต้องการที่จะสลายขั้วการเมืองของกลุ่มพรรคพลังประชาชน หรือไทยรักไทยเดิมที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ โดยให้เหตุผลเดียวกันกับครั้งในอดีต คือ เป็นระบบการเมืองที่เลวร้ายตามแนวความคิดของตน จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ปัจจัยนำเข้าที่นำมาสนับสนุนจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญคือ การเผชิญหน้าระหว่างประชาชนที่ให้การสนับสนุนทั้งสองฝ่าย ระบบการเมืองไม่สามารถที่จะดำเนินไปภายใต้กระบวนการของระบบได้ ปัจจัยนำออกของระบบจึงไม่มี จึงทำให้ทหารต้องออกมาระงับเหตุการณ์ทางการเมืองก่อนที่จะทำให้ ประชาชนที่ให้การสนับสนุนทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญหน้ากัน อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ในครั้งนี้ปัจจัยนำเข้ายังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการขั้นแรก คือ ความต้องการเดิมมีอยู่ แต่มีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเข้ามาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเมืองภาคประชาชนที่มีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่สำคัญคือระบบการเมืองก็ยังดำเนินกระบวนการอยู่ได้ เพียงแต่มีบางส่วนเริ่มที่จะไม่ทำงานได้ด้วยตัวเอง เช่น ระบบตุลาการ กลุ่มพันธมิตรฯ เองก็ไม่ยอมรับฟังคำสั่งของศาล ไม่ว่าจะเป็นขัดขืนคำสั่งศาลในกรณีต่างๆ ระบบรัฐสภาเริ่มที่จะด้อยประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่สามารถที่จะสั่งการใดๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล ตลอดจนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ให้กับกลุ่มตนเอง โดยอาศัยเหตุการณ์ทางการเมืองเป็นเครื่องมือในการต่อรอง ซึ่งในช่วงนี้ปัจจัยนำออกที่เป็นองค์ใหญ่ของระบบยังไม่สามารถที่จะนำออกมาได้ เนื่องจากระบบการเมืองยังทำการตัดสินใจอยู่ แต่มีสิ่งเดียวที่จะเร่งให้ระบบการเมืองสร้างปัจจัยนำออกได้ ก็คือ ความสามารถของรัฐบาล ในการดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับความร่วมมือจากระบบการเมืองอื่นๆ อย่างเต็มที่ แต่ตราบใดก็ตาม ถ้าระบบยังไม่สามารถควบคุมเวลาการทำงานของกระบวนการทางการเมือง หรือกระบวนการทางการเมืองหยุดชะงักลงด้วยเหตุผลใดก็ตาม เหตุการณ์ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม คือ การเผชิญหน้าของฝ่ายสนับสนุนกลุ่มต่างๆ อีกครั้ง

ทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่ เป็นอีกหนึ่งทฤษฎีทางสังคมวิทยา ที่สามารถนำมาใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์ทางการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวคิดนี้ ทัลคอตต์ พาร์สัน นักสังคมวิทยา ชาวอเมริกัน ได้ให้แนวคิดว่า ระบบสังคม หรือระบบการเมืองสามารถที่จะรักษาระบบของตนเองไว้ได้จะต้องทำหน้าที่สำคัญ สี่ประการคือ

หนึ่ง ดำเนินไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ระบบจะต้องมีวัตถุประสงค์ เพราะวัตถุประสงค์มีความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดของระบบ สมาชิกของระบบจะอยู่ได้อย่างมีความสุข จะต้องมีการถ่ายทอดและควบคุมวัตถุประสงค์ให้สมาชิกได้รับรู้ และควบคุมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของระบบ จากเหตุการณ์ปัจจุบันระบบไม่สามารถที่จะควบคุมหรือถ่ายทอดให้สมาชิกในระบบรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ของระบบได้แล้วนั้น ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมสมาชิกในระบบได้ เนื่องจากปัจจุบันสมาชิกในระบบได้รับความรู้ใหม่เพิ่มเติมจากประสบการณ์ทางการเมืองด้วยตนเองอย่างมีระบบ มีการปลูกฝังแนวคิดจากผู้นำทางการเมืองภาคประชาชน จึงทำให้ระบบไม่สามารถควบคุมสมาชิกได้ตามที่ระบบต้องการ

สอง ระบบจะต้องมีการปรับตัว กล่าวคือการปรับตัวของระบบมีความสำคัญอย่างมาก ระบบจึงต้องหาวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ของระบบได้ แต่ระบบการเมืองของไทยปัจจุบัน ไม่มีการการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของประชาชนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดทางการเมือง จึงทำให้ระบบการเมืองไม่สามารถที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างที่ต้องการ

สาม ระบบจะต้องมีการบูรณการ คือจะต้องผสมผสานส่วนต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อระบบให้เกิดความเข้าใจอันดีภายในระบบ ช่วยให้การทำงานต่างๆ ของระบบเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายของระบบ อีกทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นในระบบ แต่ส่วนสำคัญในที่นี้ของระบบได้หายไป คือ สถาบันทางการเมืองต่างๆ ไม่สามารถที่จะมีประสิทธิภาพในการทำงานส่วนนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น สถาบันทางการเมืองต่างๆ ที่ไม่สามารถจะทำงานร่วมกันได้ดีระหว่าง สส. กับ สว. ระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการประจำ จึงทำให้ระบบไม่สามารถที่จะผสมผสานส่วนเหล่านี้ได้ ระบบจึงเกิดข้อบกพร่องในตัวระบบเอง

สี่ ระบบจะต้องมีการจัดการกับความตึงเครียด ซึ่งเป็นธรรมดาของระบบที่เป็นสังคมที่ประกอบด้วยกลุ่มคนจำนวนมาก จึงอาจทำให้เกิดการขัดแย้งกันได้ สถาบันที่มีความจำในการทำหน้าที่ส่วนนี้คือ สถาบันศาล และศาสนา ซึ่งจะต้องเป็นส่วนที่จะทำให้ความขัดแย้งนี้ให้หมดไป แต่ในระบบการเมืองขณะนี้ ระบบศาลเองก็ไม่ได้ถูกให้ความเคารพจากสมาชิกในระบบเท่าใดนัก ดูได้จากการที่ได้มีการละเมิดคำสั่งศาลอยู่ในเหตุการณ์ปัจจุบัน อีกทั้ง สถาบันทางศาสนาก็ไม่ได้ออกมาทำหน้าที่ในส่วนนี้แต่อย่างใด จึงทำให้หน้าที่ในส่วนนี้ของระบบมีความบกพร่อง ทั้งที่มีส่วนสำคัญและจำเป็นอย่างมากในเวลานี้

กล่าวโดยสรุป จากที่ได้มีการนำทฤษฎีของทั้งสองนักคิดมาวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีระบบของเดวิด อีสตั้น ที่สามารถวิเคราะห์และพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นประจำในพฤติกรรมทางการเมือง และทฤษฏีโครงสร้างและหน้าที่ของทัลคอตต์ พาร์สัน ซึ่งได้กล่าวถึงหน้าที่สำคัญของระบบว่าจะต้องมีการทำหน้าที่อย่างใด เพื่อที่จะทำให้ระบบนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ได้ เมื่อวิเคราะห์แล้วนั้น ทำให้ทราบได้ว่าเหตุการณ์ที่จะเป็นไปตามทฤษฎีระบบนั้น มีอยู่สองแนวทางคือ ถ้าทหารไม่ออกมาปฏิวัติอีกหนึ่งครั้งเพื่อยุติการเผชิญหน้าของกลุ่มสนับสนุนทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นการล่มสลายของการชุมนุมของผู้ประท้วง ซึ่งได้รับการสนับสนุนการทำงานจากสถาบันทางการเมืองที่มีอยู่ในระบบ ในส่วนของการนำทฤษฎีโครงสร้างและหน้าที่มาวิเคราะห์นั้น ก็เพื่อที่จะหาจุด บกพร่อง ของระบบ เพื่อทำการแก้ไขให้ระบบนั้นได้ทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากการวิเคราะห์จะเห็นว่า จะต้องให้ระบบที่ทำหน้าที่ให้การจัดการกับความตึงเครียด ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คือ ศาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้วินิจฉัยออกมาแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดแห่งบริบทนั้นๆ เมื่อระบบนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ระบบที่มีหน้าที่ในการบูรณการจะต้องทำหน้าที่ในการสร้างความเข้าใจอันดีให้เกิดขึ้นภายใต้จุดมุ่งหมายของระบบคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันทางการเมือง เมื่อระบบทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมทั้งสองระบบแล้ว ระบบต่อมาคือต้องทำการปรับตัว ค้นหาแนวคิดหรือแนวทางที่จะเสริมสร้างพลังต่างๆ ภายในระบบให้ดีขึ้น เพียงเท่านี้ระบบก็จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เพื่อความอยู่รอดของระบบได้ด้วยตัวของระบบเอง

หากระบบและโครงสร้างไม่สามารถทำงานได้ด้วยกระบวนการ และหน้าที่ของระบบเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความบกพร่องในระบบและหน้าที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งไม่อาจจะละเลยได้ว่าจะมีผลกระทบต่อระบบเหล่านั้นอย่างรุนแรง หากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่บรรเทาหรือยุติลง

ผลกระทบในด้านสังคมที่จะปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ความแตกแยกของประชาชนในสังคม ในการที่จะแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย ชอบหรือไม่ชอบด้วยการแสดงออกที่รุนแรง ไม่ว่าจากหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ต่างๆ ที่ได้รายงานเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย จนถึงการเสียชีวิต เนื่องจากความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน อีกทั้งในด้านเศรษฐกิจซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญของระบบการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบด้านเศรษฐกิจในประเทศ จากการนัดหยุดงานของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการขนส่งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ ซึ่งผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศเหล่านี้ได้สะท้อนไปเป็นปัญหาสำคัญทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ทั้งในส่วนของภาคการนำเข้าและส่งออก ทำให้กระทบไปถึงความเชื่อมั่นต่อการลงทุนทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ โดยจะเชื่อมโยงไปถึงความเชื่อมั่นทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นอีกอำนาจหนึ่งในการต่อรองทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า การลงทุน หรือการให้ช่วยเหลือจากต่างประเทศ อีกทั้งยังกล่าวได้ว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนระบบของประเทศทั้งระบบให้พัฒนาเทียบเท่าอนารยประเทศต่างๆ ได้

บทสรุป ดังข้อความในสองย่อหน้าแรกนั้น พอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่า ทั้งสองกลุ่มนั้นมีความเลื่อมใสและศรัทธา ในการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุข เพียงแต่แนวคิด หรือวิธีการในการปฏิบัติของทั้งสองกลุ่มนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามหลักการแห่งประชาธิปไตยเสียทีเดียว โดยกลุ่มฝ่ายพันธมิตรฯนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการภายใต้กรอบแห่งหลักการประชาธิปไตยโดยยังอ้างเอาหลักเสียงส่วนน้อยที่ตนมีอยู่ ว่าเป็นความต้องการของคนทั้งประเทศ ฝ่ายรัฐบาลเองนั้นก็ละเลยเสียงส่วนน้อยว่าไม่มีความสำคัญ จนทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลายไปจนถึงขั้นยึดสถานที่ราชการของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้นานาชาติเกิดความหวั่นวิตกว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทางการเมืองไทย ถ้าหากระบบและโครงสร้างยังไม่ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน ทางออกของปัญหานี้ที่พอจะบรรเทาความรุนแรงลงได้ ให้ไปดูว่าระบบใดในสังคมขณะนี้ทำหน้าที่บกพร่อง หรือยังทำหน้าที่ของตนเองได้ไม่เต็มที่ ก็ให้เข้าไปทำหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพ โดยการทำหน้าที่นั้นจะต้องคำนึงถึงบริบทที่เปลี่ยนไปทุกขณะ เพียงเท่านี้ระบบก็จะสามารถทำงานได้ด้วยตนเองและจะนำพาประเทศไทยและการเมืองไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีได้ในอนาคต ดังคำของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในสังยุตนิกายเล่าว่า “เรื่องที่ตรัสรู้และรู้นั้นมันมาก เท่ากับใบไม้ทั้งป่า แต่เรื่องจำเป็นที่ควรรู้ ควรนำมาสอนและนำมาปฏิบัตินั้นเท่ากับใบไม้กำมือเดียว”

การเดินทางของนายกฯยิ่งลักษณ์